จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 198 เล่ม |
จำนวน (เล่ม) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 เล่ม
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | คำอธิบาย +ฎีกา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
คำอธิบายกฎหมายลักษณะนิติกรรมสัญญา
เรียบเรียงตามหลักกฎหมาย และนัยคำพิพากษาฎีกา
ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย
อ.ปริญญา ศรีเกตุ
การศึกษาบัณฑิต นิติศาสตรบัณฑิต
เนติบัณฑิตไทย นิติศาสตรมหาบัณฑิต
ประกาศนียบัตรกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยปทุมธานี
สำหรับคำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยนิติกรรมสัญญาเล่มนี้นั้น เนื่องจากผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ในคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่ผู้สอนทำการสอนอยู่ และสำหรับทั้งผู้ที่มีโอกาสและไม่มีโอกาสเข้าฟังคำบรรยายในชั้นเรียน ผู้เขียนจึงได้พยายามเขียนอธิบายโดยละเอียดประกอบกับการยกตัวอย่างที่สามารถทำความเข้าได้โดยง่ายพร้อมกับคำพิพากษาฎีกาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ประกอบตลอดเนื้อหาพร้อมทั้งตัวอย่างข้อสอบในส่วนท้ายของแต่ละบท ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ด้วยตนเอง
หนังสือเล่มนี้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนิสิตนักศึกษา นักกฎหมาย และประชาชนทั่วไป ที่ศึกษากฎหมายด้วยตนเอง ที่จะต้องมีไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในการศึกษาการสอบ และการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
จำนวน 492 หน้า
สารบัญ บทที่ ๑ สิทธิและการเคลื่อนไหวในสิทธิ
ส่วนที่ ๑ การเคลื่อนไหวในสิทธิ
๑. ความหมายของคำว่า สิทธิ
๒. เหตุที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวในสิทธิ
ส่วนที่ ๒ นิติกรรม นิติเหตุ และเหตุธรรมดา
๑. นิติกรรม
๒. นิติกรรมนิติเหตุ
๓. นิติเหตุกับเหตุธรรมดา
๔. ประเภทของนิติเหตุ.
ส่วนที่ ๓ หลักที่เป็นรากฐานของกฎหมายนิติกรรมสัญญา
๑. หลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา
๒. หลักที่ให้ถือเอาเจตนาที่แสดงออกเป็นสำคัญ
ส่วนที่ ๔ การแสดงเจตนา
๑. ความหมายของการแสดงเจตนา.
๒. ประเภทของการแสดงเจตนา
ส่วนที่ ๕ ผลสมบูรณ์ของการแสดงเจตนา.
๑. ผลสมบูรณ์ของการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวโดยแท้
๒. ผลสมบูรณ์ของการแสดงเจตนาในกรณีที่ต้องมีผู้รับการแสดงเจตนา
๓. ผลสมบูรณ์ของแสดงเจตนาในกรณีที่ต้องมีผู้รับการแสดงเจตนาตามกฎหมายไทย
๔. การบอกถอนการแสดงเจตนา.
๕. การแสดงเจตนาต่อผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ
๖. การตีความการแสดงเจตนา.
ส่วนที่ ๖ ความหมายของนิติกรรม
๑. นิติกรรมเป็นการกระทำของบุคคลโดยเจตนา.
๒. นิติกรรมเป็นการแสดงเจตนาโดยชอบด้วยกฎหมาย
๓. นิติกรรมเป็นการแสดงเจตนาด้วยความสมัครใจ
๔. นิติกรรมเป็นการแสดงเจตนาที่มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
๕. นิติกรรมต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ .
ส่วนที่ ๗ ประเภทของนิติกรรม
๑. นิติกรรมฝ่ายเดียวและนิติกรรมหลายฝ่าย
๒. นิติกรรมที่มีผลเมื่อผู้ทำยังมีชีวิตอยู่และนิติกรรมที่มีผลเมื่อผู้ทำตายแล้ว.
๓. นิติกรรมที่มีค่าตอบแทนและนิติกรรมที่ไม่มีค่าตอบแทน
บทที่ ๒ นิติกรรมที่เป็นโมฆะกรรม
ส่วนที่ ๑ เหตุแห่งโมฆะกรรม.
ส่วนที่ ๑.๑ เหตุเพราะวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมตามมาตรา
๑. นิติกรรมที่วัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
๒. นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการพ้นวิสัย.
๓. นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ส่วนที่ ๑.๒ เหตุเพราะความแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายตามมาตรา ๑๕๑
๑. หลักเกณฑ์ทั่วไปของนิติกรรมที่แตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย.
๒. หลักกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน.
ส่วนที่ ๑.๓ เหตุเพราะนิติกรรมไม่ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ตามมาตรา ๑๕๒
๑. แบบของนิติกรรม.
๒. เหตุที่กฎหมายบังคับให้นิติกรรมบางประเภทต้องทำตามแบบ
๓. ประเภทของนิติกรรม.
๔. กรณีที่ไม่ถือว่าเป็นแบบของนิติกรรม
ส่วนที่ ๑.๔ เหตุเพราะการแสดงเจตนาซ่อนเร้น เจตนาลวง และเจตนาอำพราง.
๑. ลักษณะของการแสดงเจตนาซ่อนเร้นตามมาตรา ๑๕๔.
๒. ลักษณะของการแสดงเจตนาลวงและเจตนาอำพรางตามมาตรา ๑๕๕
๒.๑ การแสดงเจตนาลวง
๒.๒ การแสดงเจตนาลวงเพื่ออำพรางนิติกรรมอื่นหรือนิติกรรมอำพราง
ส่วนที่ ๑.๕ เหตุเพราะการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่ง นิติกรรม.
๑. เหตุเพราะการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดตามมาตรา ๑๕๖
๑.๓.๑ การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในลักษณะแห่งนิติกรรม
๑.๓.๒ การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรม
๑.๓.๓ การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม.
๑.๓.๔ การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในลักษณะอื่น ๆ
๒. กรณีความสำคัญผิดเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้แสดงเจตนา
๒.๑ ความหมายของคำว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
๒.๒ ผลของความสำคัญผิดที่เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง.
ส่วนที่ ๑.๖ เหตุเพราะการบอกล้างนิติกรรมที่เป็นโมฆียะ
ส่วนที่ ๑.๗ เหตุเพราะการกำหนดเงื่อนไขในนิติกรรมตามมาตรา ๑๘๗ ถึง ๑๙๐.
ส่วนที่ ๑.๘ เหตุเพราะความสามารถของบุคคล
ส่วนที่ ๒ โมฆะกรรมและผลของโมฆะกรรม
ส่วนที่ ๒.๑ สรุปเหตุแห่งโมฆะกรรม.
ส่วนที่ ๒.๒ ผลของโมฆะกรรม.
๑. โมฆะกรรมไม่อาจให้สัตยาบันได้.
๒. การกล่าวอ้างความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรม
๓. การกล่าวอ้างความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมไม่มีอายุความ
๔. การคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม.
๕. โมฆะกรรมอาจแยกส่วนที่สมบูรณ์ออกจากส่วนที่ไม่สมบูรณ์ได้
๖. นิติกรรมที่เป็นโมฆะกรรมแต่เข้าลักษณะเป็นนิติกรรมอย่างอื่น.
บทที่ ๓ โมฆียกรรม
ส่วนที่ ๑ เหตุแห่งโมฆียกรรม.
ส่วนที่ ๑.๑ เหตุเพราะความสามารถของบุคคล.
ส่วนที่ ๑.๑.๑ ผู้เยาว์.
๑. การบรรลุนิติภาวะของผู้เยาว์.
๒. การให้ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์
๒.๑ ผู้แทนโดยชอบของผู้เยาว์.
๒.๒ สิทธิและหน้าที่ของผู้แทนโดยชอบธรรม.
๓. ความสมารถในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์
ส่วนที่ ๑.๑.๒ คนไร้ความสามารถ.
๑. คนวิกลจริตที่ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
๒. คนวิกลจริตที่ศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ.
ส่วนที่ ๑.๑.๓ คนเสมือนไร้ความสามารถ
๑. หลักเกณฑ์ในการที่ศาลจะสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ.
๒. ผู้มีสิทธิร้องขอให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ.
๓. ผลในทางกฎหมายของการเป็นคนไร้ความสามารถ.
๔. ผู้พิทักษ์และอำนาจของผู้พิทักษ์.
๕. การทำนิติกรรมของคนเสมือนไร้ความสามารถ.
๖. การสิ้นสุดสภาพการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
ส่วนที่ ๒ เหตุเพราะการแสดงเจตนาในการทำนิติกรรม
ส่วนที่ ๒.๑ การแสดงเจตนาโดยความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์
๑. ลักษณะของความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์.
๒. ความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์ต้องเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม
๓. หลักในการพิจารณาคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์ซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม
๔. หลักการพิจารณาคุณสมบัติของทรัพย์ซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม.
๕. กรณีความสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์เกิดจากความประมาท
เลินเล่ออย่างร้ายแรง
ส่วนที่ ๒.๒ เหตุเพราะการแสดงเตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล.
๑. ความหมายของกลฉ้อฉล.
๒. ประเภทของกลฉ้อฉล
๒.๑ กลฉ้อฉลโดยทั่วไปตามมาตรา ๑๕๙
๒.๒ กลฉ้อฉลโดยการนิ่งตามมาตรา ๑๖๒
๒.๓ กลฉ้อฉลเพื่อเหตุชักจูงใจให้รับข้อกำหนดอันหนักยิ่งกว่าปกติตามมาตรา ๑๖๑
๒.๔ กลฉ้อฉลโดยบุคคลภายนอกามมารา ๑๕๙ วรรคสาม.
๒.๕ กลฉ้อฉลทั้งสองฝ่ายตามมาตรา ๑๖๓
๓. ผลของการบอกล้างโมฆียกรรมเพราะกลฉ้อฉลตามมาตรา ๑๕๙
ส่วนที่ ๒.๓ เหตุเพราะการแสดงเตนาเพราะถูกข่มขู่
๑. ความหมายของการข่มขู่
๒. ลักษณะของการข่มขู่ที่จะทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆียะต้องเป็นการข่มขู่ให้
แสดงเจนตา
๓. หลักเกณฑ์ของการข่มขู่ที่จะทำให้นิติกรรมเป็นโมฆียกรรม
๔. ข้อยกเว้นในกรณีที่ถือว่าไม่เป็นการข่มขู่
ส่วนที่ ๓ ผลของโมฆียกรรม
ส่วนที่ ๓.๑ การบอกล้างโมฆียกรรม
๑. ผลของโมฆียกรรม
๒. กำหนดเวลาในการบอกล้างโมฆียกรรม
๓. วิธีการบอกล้างโมฆียกรรม
๔. ผลของการบอกล้างโมฆียกรรม
๕. อายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องอันเกิดแต่การกลับคืนสู่ฐานะเดิม.
ส่วนที่ ๓.๒ การให้สัตยาบันแก่โมฆียกรรม.
๑. ความหมายของการให้สัตยาบันแก่โมฆียกรรม.
๒. ผู้มีสิทธิในการให้สัตยาบัน.
๓. วิธีการให้สัตยาบัน
๔. กำหนดระยะเวลาในการให้สัตยาบัน
๕. ผลของการให้สัตยาบันแก่โมฆียกรรม.
บทที่ ๔ เงื่อนไข เงื่อนเวลา
ส่วนที่ ๑ เงื่อนไข
ส่วนที่ ๑.๑ ความหมายและลักษณะของเงื่อนไข.
๑. ความหมายของคำว่า เงื่อนไข.
๒. ลักษณะสำคัญของเงื่อนไข.
ส่วนที่ ๑.๒ ประเภทของเงื่อนไข
๑. เงื่อนไขบังคับก่อน
๒. เงื่อนไขบังคับหลัง
ส่วนที่ ๑.๓ เงื่อนไขที่ไม่สมบูรณ์.
๑. เงื่อนไขที่สำเร็จหรือไม่อาจสำเร็จได้ในเวลาทำนิติกรรม
๒. เงื่อนไขที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน
๓. นิติกรรมที่มีเงื่อนไขเป็นการพ้นวิสัย
๔. เงื่อนไขบังคับก่อนซึ่งจะสำเร็จหรือไม่แล้วแต่ใจของฝ่ายลูกหนี้
ส่วนที่ ๑.๔ ผลของนิติกรรมที่มีเงื่อนไข.
๑. ผลในระหว่างที่นิติกรรมยังไม่สำเร็จ.
๒. ผลของเงื่อนไขในกรณีที่เงื่อนไขสำเร็จแล้ว.
ส่วนที่ ๒ เงื่อนเวลา
๑. ความหมายของเงื่อนเวลา
๒. ประเภทของเงื่อนเวลา
๓. ความหมายของเหตุการณ์ในอนาคตที่แน่นอน.
๔. ข้อแตกต่างระหว่างเงื่อนไขกับเงื่อนเวลา
๕. ประโยชน์ของเงื่อนเวลา.
บทที่ ๕ ระยะเวลา และอายุความ
ส่วนที่ ๑ ระยะเวลา
ส่วนที่ ๑.๑ ลักษณะทั่วไปของระยะเวลา.
๑. ความหมายของระยะเวลา
๒. ขอบเขตของการกำหนดนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์.
๓. ข้อยกเว้นในกรณีไม่นำหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์มาใช้.
ส่วนที่ ๑.๒ การเริ่มต้นนับระยะเวลา
๑. การคำนวณนับระยะเวลาเป็นวัน.
๒. การเริ่มต้นและการสิ้นสุดแห่ระยะเวลากรณีเป็นวันหรือสั้นกว่าวัน.
๓. การเริ่มต้นระยะเวลาแห่งระยะเวลากรณีเป็นสัปดาห์ เดือน หรือ ปี
ส่วนที่ ๑.๓ การขยายเวลา.
๑. หลักเกณฑ์สำหรรับการขยายเวลาในกรณีทั่วไป.
๒. ข้อยกเว้นในการขยายระยะเวลา.
๓. กรณีวันสดท้ายเป็นวันหยุด
ส่วนที่ ๒ อายุความและลักษณะทั่วไปของอายุความ
ส่วนที่ ๒.๑ สิทธิเรียกร้องในกรณีขาดอายุความ.
๑. การใช้สิทธิเรียกร้องไม่ระงับแม้หนี้จะขาดอาจุความ
๒. กำหนดระยะเวลาที่ไม่ถือว่าเป็นอายุความ
ส่วนที่ ๒.๒ กำหนดอายุความ
๑. กำหนดอายุความโดยทั่วไป.
๒. กำหนดอายุความสำหรับสิทธิเรียกร้องเฉพาะเรื่อง.
ส่วนที่ ๒.๓ การเริ่มนับอายุความ.
๑. การเริ่มนับอายุความตามสิทธิเรียกร้องทั่วไป
๒. การเริ่มนับอายุความกรณีเป็นสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้งดเว้นกระทำการ
๓. การเริ่มนับอายุความสำหรับสิทธิเรียกร้องที่ต้องมีการทวงถามให้ชำระหนี้.
๔. การเริ่มนับอายุความในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษเฉพาะเรื่อง.
ส่วนที่ ๒.๔ อายุความสะดุดหยุดลง.
๑. เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
๒. ผลในทางกฎหมายเมื่ออายุความสะดุดหยุดลง.
๓. กรณีที่กฎหมายถือว่าไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
ส่วนที่ ๒.๕ ผลของการที่สิทธิเรียกร้องขาดอายุความ
๑. ลูกหนี้มีสิทธิปฏิเสธการชำระหนี้ได้.
๒. ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องที่เป็นประธานขาดอายุความ
๓. ผละของสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความ
๔. สิทธิเรียกร้องขาดอายุความไม่กระทบถึงเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์
ส่วนที่ ๒.๖ การงดใช้ การขยายออก หรือการย่นเข้าซึ่งกำหนดอายุความ.
๑. หลักเกณฑ์ทั่วไป ในการห้ามงดใช้ ขยาย หรือย่นเข้าซึ่งอายุความ.
๒. ข้อยกเว้นในการขยายอายุความ
ส่วนที่ ๒.๗ การสละประโยชน์แห่งอายุความ
๑. กำหนดเวลาในการสละประโยชน์แห่งอายุความ
๒. รูปแบบของการสละประโยชน์แห่งอายุความ
๓. ผลของการที่ลูกหนี้สละประโยชน์แห่งอายุความ.
บทที่ ๖ สัญญา
ส่วนที่ ๑ ลักษณะและประเภทของสัญญา
๑. ลักษณะทั่วไปของสัญญา
๒. การแบ่งประเภทของสัญญา.
๓. สาระสำคัญของสัญญา.
ส่วนที่ ๒ การก่อให้เกิดสัญญา.
๑. คำเสนอ และลักษณะทั่วไปของคำเสนอ
๒. การถอนคำเสนอและกรณีคำเสนอสิ้นความผูกพัน
๓. คำสนองและลักษณะทั่วไปของคำสนอง
๔. คำสนองล่วงเวลา
๕. คำสนองที่ไม่ตรงกับคำเสนอ
ส่วนที่ ๓ การเกิดของสัญญา
๑. สัญญาเกิดเมื่อคำเสนอและคำสนองถูกต้องกัน.
๒. เวลาที่สัญญาเกิดขึ้น.
ส่วนที่ ๔ การตีความสัญญา
๑. หลักเกณฑ์ในการตีความสัญญา
๒. หลักเกณฑ์การตีความหลังสัญญาเกิดขึ้นแล้ว
ส่วนที่ ๕ สัญญาต่างตอบแทน
๑. ลักษณะของสัญญาต่างตอบแทน
๒. ผลของสัญญาต่างตอบแทน
๓. ผลแห่งการไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญาต่างตอบแทน
ส่วนที่ ๖ ความตกลงยกเว้นความรับผิดลูกหนี้.
ส่วนที่ ๗ สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก.
บทที่ ๗ มัดจำและกำหนดเบี้ยปรับ
ส่วนที่ ๑ มัดจำ
ส่วนที่ ๑.๑ ลักษณะของมัดจำ.
๑. มัดจำถือได้ว่าเป็นพยานว่าสัญญาได้ทำกันขึ้นแล้ว.
๒. เวลาในการให้มัดจำ.
๓. ลักษณะทรัพย์สินที่ใช้เป็นมัดจำ.
๔. ลักษณะสัญญามัดจำเป็นสัญญาอุปกรณ์.
๕. เงินมัดจำไม่ถือว่าเงินเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้า.
๖. สัญญามัดจำเป็นนิติกรรมที่ไม่ต้องทำตามแบบ.
๗. มัดจำเป็นการประกันเพื่อการที่จะปฏิบัติตามสัญญานั้น.
ส่วนที่ ๑.๒ ผลของการที่มัดจำเป็นประกันในการที่จะปฏิบัติตามสัญญา.
๑. หลักเกณฑ์ทั่วไปในกรณีที่มีการวางมัดจำ.
๒. ข้อยกเว้นในกรณีที่มิได้มีการตกลงไว้ในประการอื่น.
ส่วนที่ ๒ การกำหนดเบี้ยปรับ
ส่วนที่ ๒.๑ ลักษณะของเบี้ยปรับ
๑. เบี้ยปรับที่กำหนดเป็นเงิน
๒. เบี้ยปรับที่กำหนดให้เป็นการชำระหนี้อย่างอื่น
๓. เบี้ยปรับเป็นสัญญาอุปกรณ์
๔. การส่งมอบเบี้ยปรับ
ส่วนที่ ๒.๒ ผลแห่งการที่สัญญามีการกำหนดเบี้ยปรับ
๑. กำหนดระยะเวลาในการริบเบี้ยปรับ.
๒. จำนวนเบี้ยปรับที่เจ้าหนี้สามารถริบได้
๓. เบี้ยปรับเพื่อการไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร.
๔. กรณีที่มีกำหนดเบี้ยปรับไว้เป็นอย่างอื่น.
๕. การลดจำนวนเบี้ยปรับที่กำหนดไว้สูงเกินส่วนตามมาตรา ๓๘๓.
๖. ข้อกำหนดเบี้ยปรับกับความไม่สมบูรณ์ของสัญญาตามมาตรา ๓๘๔
๗. หน้าที่ในการพิสูจน์ว่าได้มีการชำระหนี้ตามสัญญา.
บทที่ ๘ การเลิกสัญญา
ส่วนที่ ๑ สิทธิในการเลิกสัญญา
ส่วนที่ ๑.๑ สิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญาและข้อกฎหมาย.
๑. สิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญา
๒. สิทธิในการเลิกสัญญาโดยข้อกฎหมาย.
ส่วนที่ ๑.๒ สิทธิและวิธีการเลิกสัญญา.
ส่วนที่ ๒ ผลของการเลิกสัญญา.
ส่วนที่ ๒.๑ การกลับคืนสู่ฐานะเดิมเมื่อมีการเลิกสัญญา.
๑. การกลับคืนสู่ฐานะเดิมของคู่สัญญาตามมาตรา ๓๙๑.
๒. การกลับคืนสู่ฐานะเดิมจะทำให้เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกไม่ได้.
๓. การทำความตกลงไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่จำต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม.
ส่วนที่ ๒.๒ สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายและการชำระหนี้เพื่อการกลับคืนสู่ฐานะเดิม.
๑. การใช้สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายตามมาตรา ๓๙๑ วรรคท้าย
๒. การชำระหนี้ในการกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามมาตรา ๓๙๒.
ส่วนที่ ๓ ความระงับไปของสิทธิในการเลิกสัญญา
๑. กรณีที่ผู้มีสิทธิมิได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาภายในกำหนดระยะเวลา.
๒. กรณีการเลิกสัญญาระงับเพราะผู้มีสิทธิเลิกสัญญาทำให้ไม่อาจกลับคืนสู่ฐานะเดิม
ตามมาตรา ๓๙๔.
บทที่ ๙ คำมั่น
๑. ความหมายของคำมั่น
๒. ประเภทของคำมั่น
๒.๑ คำมั่นจะทำสัญญา
๒.๒ คำมั่นจะให้รางวัล.
ส่วนที่ ๑ คำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้กระทำการอันใดอันหนึ่งสำเร็จโดยการโฆษณา
๑ ต้องเป็นการให้คำมั่นโดยการโฆษณาต่อสาธารณชน
๒. คำมั่นจะให้รางวัลต้องให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำสำเร็จแม้ผู้นั้นจะมิใช่เห็นแก่รางวัล.
๓. หลักเกณฑ์การถอนคำมั่นว่าจะให้รางวัลตามมาตรา ๓๖๓
๔. วิธีการถอนคำมั่นว่าจะให้รางวัล.
๕. หลักเกณฑ์การสละสิทธิในการถอนคำมั่น.
๖. บุคคลผู้มีสิทธิได้รับรางวัลตามมาตรา ๓๖๔
ส่วนที่ ๒ คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดชิงรางวัล
๑. ลักษณะของคำมั่นว่าจะให้รางวัลในการประกวดชิงรางวัล.
๒. หลักเกณฑ์การถอนคำมั่นว่าจะให้รางวัล.
๓. จำนวนผู้เข้าประกวดชิงรางวัล
๔. เงื่อนไขในการรับรางวัลจากการประกวดชิ่งรางวัล พิเศษ !!! เมื่อซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง (ท้ายหน้านี้) พร้อมกับเล่มนี้
รับส่วนลดเล่มที่สั่งเพิ่มอีก 10%
(ใช้สิทธิ์โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ add เพื่อนทาง Line @splaw)
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |